แมวตาเพชรหรือเพชรตาแมว
สืบเนื่องจากมีแฟนเพจทาสแมว https://www.facebook.com/TheAngelCat/ สอบถามเข้ามาเกี่ยวกับตา
ของแมวที่เค้าเลี้ยงไว้ก่อนอื่นเลยเรามาทำความรู้จักกับว่าแมวตาเพชรหรือเพชรตาแมว กันก่อนตาม
หลักวิทยาศตร์แล้ว แมวตาเพชรหรือเพชรตาแมว เกิดจาก ความผิดปกติที่เลนส์ตาแมว หรือแมวจะเป็น
ต้อ จึงทำให้มีลักษณะของดวงตาที่ขุ่นมัวและมีประกายออกมา ดังนั้นคนที่เป็นเจ้าของควรรีบพาไปพบ
สัตว์แพทย์เพื่อรักษา เพราะถ้าปล่อยไว้นาน ดวงตาจะบอดไม่สามารถมองเห็นได้ อาจทำให้แมวเกิด
อุบัติเหตุ หาอาหารกินไม่ได้ หากปล่อยไว้อาจมีการอักเสบ ลุกลาม เจ็บปวดมาก ลักษณะของดวงตาที่
พบนี้อาจจะมีสาเหตุมาจากอุบัติที่เกิดขึ้นกับแมวด้วยเช่นกัน บางตัวหลังจากที่แมวดวงตาเป็นต้อ
แล้วอาจจะไม่มีความเจ็บปวดแต่จะทำให้มองไม่เห็น เหมือนกับคนเราที่เวลาเป็นต้อ จะทำให้การมอง
หรือการอ่าน มีปัญหา และเมื่อแมวตัวดังกล่าวได้ตายลง ดวงตาข้างที่เป็นต้อก็จะแข็งขึ้นราวกับก้อน
หิน(บางตัว) แต่จะมีความสวยงาม แวววาว ราวกับเพชร ดังที่เรียกว่า แมวตาเพชร หรือ เพชรตาแมว
หลังจากที่เรามารู้ตามหลักวิทยาศาสตร์แล้ว แต่เราคงปฏิเสธไม่ได้ว่าไทยเรามีความเชื่อเรื่องแมวตา
เพชรหรือ เพชรตาแมว มานานแล้ว วันนี้ผมเลยเอาลักษณะความเชื่อของเรื่องนี้มาพูดกัน
(ไม่ได้บอกให้เชื่อนะครับขึ้นรอยู่กับวิจาณญาณของบุคคล)
ตั้งแต่โบราณแล้วที่ปู่ย่าตายาย บรรพบุรุษของเรามีความเชื่อในตำนานของแมวตาเพชรหรือ
เพชรตาแมว ถึงความลี้ลับ ถึงความขลัง ถึงความเป็นสิริมงคลที่จะช่วยคุ้มครองภัยอันตรายต่างๆ
ความเจริญรุ่งเรือง หีรือโชคลาภ มาสู่ความเป็นเจ้าของ ซึ่งเราก็จะเห็นข่าวออกตามทีวี ตามสื่อต่าง ๆ
ออกมาเป็นระยะ ๆ ว่าพบแมวตาเพชร หรือ เพชรตาแมว
โดยกล่าวกันว่า เมื่อครบรอบ 100 ปี ถึง 1,000 ปี จะมีเทพจากสรวงสรรค์ลงมาจุติยังโลกมนุษย์ 1 องค์
โดยเทพดังกล่าวจะมาเกิดเป็นแมว และได้นำแก้วมณีสารพัดนึก ซึ่งเป็นของวิเศษประจำตัวลงที่มาโลก
มนุษย์ เพื่อชดใช้กรรมที่ยังเหลืออยู่ และก่อนที่เทพองค์ดังกล่าวจะละสังขารแมว ท่านจะประทานแก้ว
วิเศษที่รู้จักกันในนาม "เพชรตาแมว" ให้แก่ผู้ที่มีพระคุณ ที่เลี้ยงดูมาจนถึงวาระที่ได้ชดใช้กรรมหมดสิ้น
แล้ว โดยก่อนจากไปท่านจะเข้ามาคลอเคลียกับผู้ที่เป็นเจ้าของเหมือนเป็นการบอกลาครั้งสุดท้าย และ
ทิ้งเพชรตาแมวของตนไว้ให้ ก่อนจะกลับขึ้นไปบำเพ็ญตบะบนสรวงสวรรค์ดังเดิม
(ที่มา : http://hilight.kapook.com/view/75375)
โดยเพชรตาแมว มักมีลักษณะ ดังนี้
1. เพชรตาแมวชนิดหินใส มีลักษณะใสปนขุ่น ขนาดเท่าลูกแก้ว ในความใสจะเหมือนมีเสี้ยนไผ่อยู่
ในตา หรือม่านตา เมื่อส่องด้วยกล้องขยายจะเห็นเป็นรังผึ้งขนาดเล็ก และมีเส้นเลือดขนาดเล็กด้วย ซึ่ง
เพชรตาแมวประเภทนี้มักมีสีฟ้าน้ำทะเล สีเหลือง สีเขียวอมฟ้า หรือสีม่วงอมชมพู
2. เพชรตาแมวชนิดใสเป็นแก้ว เพชรตาแมวชนิดนี้จะมีลักษณะเหมือนดวงตาแมวขณะที่ยังมีชีวิต
อยู่ ในความใสจะไม่มีสีขาวขุ่นมาเจือปน มีมิติซับซ้อนและไม่สามารถทำเทียมเลียนแบบได้ เนื่องจาก
เนื้อจะใสบริสุทธิ์ และมีความแวววาวมาก
นอกจากนี้ ยังเชื่อกันว่า แมวตาเพชร หรือ เพชรตาแมว มีความเกี่ยวพันกับ แมวสีสวาด ซึ่งถูกเรียก
ว่า แมวตาเพชร เนื่องจากตอนที่มีชีวิตอยู่ ดวงตาทั้ง 2 ข้างของแมวสีสวาด จะมีลักษณะใสแววาวราวกับ
เพชร และยังมีเรื่องเล่าอีกว่า ตอนที่แมวตาเพชรยังมีชีวิตอยู่ เมื่อมองไปที่เหยื่อนาน ๆ เหยื่อประเภท
จิ้งจก นก และหนู จะแพ้นัยน์ตาแมวแล้วตกมาเป็นอาหารแมว โดยที่แมวไม่ต้องทำอะไร ซึ่งหลังจากตาย
ไป แม้ร่างกายจะเน่าเปื่อย แต่เพชรตาแมวนั้น จะใสวาวยิ่งกว่าเพชร จึงทำให้เพชรตาแมวที่ได้จากแมวสี
สวาดมีสนนราคามหาศาล เพราะหาได้ยากกว่าเพชรตาแมวทั่ว ๆ ไป
นอกจากนี้ มีคำกล่าวอีกว่า ผู้ที่ได้ครอบครองเพชรตาแมว จะต้องเป็นผู้ที่มีบุญวาสนามาตั้งแต่ชาติ
ปางก่อน จึงทำให้สัตว์เทพตามมารับใช้ ซึ่งอานุภาพของเพชรตาแมว มีคุณวิเศษดั่งแก้วสารพัดนึก หาก
ผู้ครอบครองได้มาอย่างถูกต้อง และหมั่นสร้างบุญบารมี ทำคุณงามความดี ก็จะทำให้เจ้าของเพชรตา
แมวนั้น พบแต่ความเจริญรุ่งเรือง ร่ำรวยทรัพย์สินเงินทอง และแคล้วคลาดจากอันตราย แต่หากผู้ใด
ครอบครองเพชรตาแมวด้วยวิธีที่ไม่ถูกต้อง และทำแต่ความชั่ว บุคคลนั้นอาจมีอันเป็นไปต่าง ๆ นานาได้
ทั้งนี้ ปัจจุบัน เพชรตาแมว ยังคงเป็นวัตถุมงคล ที่บุคคลจำนวนมากอยากได้มาครอบครอง
แต่เนื่องจากเป็นของหายาก และมีโอกาสเกิดขึ้นได้ราว 1 ในล้าน ดังนั้นสนนราคาของเพชรตาแมวจึง
อยู่ในหลักสิบล้านบาทขึ้นไป โดยเฉพาะเพชรตาแมวที่มีลักษณะดี หรือเป็นของเก่าแก่อายุกว่าร้อยปี
อย่างไรก็ดี เพชรตาแมวที่จำหน่ายต้องผ่านการรับรองจากสถาบันต่าง ๆ ที่น่าเชื่อถือ เช่น สถาบันวิจัย
และพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือมีใบรับรองเป็น
วัตถุธรรมชาติจากกรมทรัพยากรธรณี เป็นต้น
(ที่มา : http://hilight.kapook.com/view/75375)
สืบเนื่องจากมีแฟนเพจทาสแมว https://www.facebook.com/TheAngelCat/ สอบถามเข้ามาเกี่ยวกับตา
ของแมวที่เค้าเลี้ยงไว้ก่อนอื่นเลยเรามาทำความรู้จักกับว่าแมวตาเพชรหรือเพชรตาแมว กันก่อนตาม
หลักวิทยาศตร์แล้ว แมวตาเพชรหรือเพชรตาแมว เกิดจาก ความผิดปกติที่เลนส์ตาแมว หรือแมวจะเป็น
ต้อ จึงทำให้มีลักษณะของดวงตาที่ขุ่นมัวและมีประกายออกมา ดังนั้นคนที่เป็นเจ้าของควรรีบพาไปพบ
สัตว์แพทย์เพื่อรักษา เพราะถ้าปล่อยไว้นาน ดวงตาจะบอดไม่สามารถมองเห็นได้ อาจทำให้แมวเกิด
อุบัติเหตุ หาอาหารกินไม่ได้ หากปล่อยไว้อาจมีการอักเสบ ลุกลาม เจ็บปวดมาก ลักษณะของดวงตาที่
พบนี้อาจจะมีสาเหตุมาจากอุบัติที่เกิดขึ้นกับแมวด้วยเช่นกัน บางตัวหลังจากที่แมวดวงตาเป็นต้อ
แล้วอาจจะไม่มีความเจ็บปวดแต่จะทำให้มองไม่เห็น เหมือนกับคนเราที่เวลาเป็นต้อ จะทำให้การมอง
หรือการอ่าน มีปัญหา และเมื่อแมวตัวดังกล่าวได้ตายลง ดวงตาข้างที่เป็นต้อก็จะแข็งขึ้นราวกับก้อน
หิน(บางตัว) แต่จะมีความสวยงาม แวววาว ราวกับเพชร ดังที่เรียกว่า แมวตาเพชร หรือ เพชรตาแมว
หลังจากที่เรามารู้ตามหลักวิทยาศาสตร์แล้ว แต่เราคงปฏิเสธไม่ได้ว่าไทยเรามีความเชื่อเรื่องแมวตา
เพชรหรือ เพชรตาแมว มานานแล้ว วันนี้ผมเลยเอาลักษณะความเชื่อของเรื่องนี้มาพูดกัน
(ไม่ได้บอกให้เชื่อนะครับขึ้นรอยู่กับวิจาณญาณของบุคคล)
ตั้งแต่โบราณแล้วที่ปู่ย่าตายาย บรรพบุรุษของเรามีความเชื่อในตำนานของแมวตาเพชรหรือ
เพชรตาแมว ถึงความลี้ลับ ถึงความขลัง ถึงความเป็นสิริมงคลที่จะช่วยคุ้มครองภัยอันตรายต่างๆ
ความเจริญรุ่งเรือง หีรือโชคลาภ มาสู่ความเป็นเจ้าของ ซึ่งเราก็จะเห็นข่าวออกตามทีวี ตามสื่อต่าง ๆ
ออกมาเป็นระยะ ๆ ว่าพบแมวตาเพชร หรือ เพชรตาแมว
โดยกล่าวกันว่า เมื่อครบรอบ 100 ปี ถึง 1,000 ปี จะมีเทพจากสรวงสรรค์ลงมาจุติยังโลกมนุษย์ 1 องค์
โดยเทพดังกล่าวจะมาเกิดเป็นแมว และได้นำแก้วมณีสารพัดนึก ซึ่งเป็นของวิเศษประจำตัวลงที่มาโลก
มนุษย์ เพื่อชดใช้กรรมที่ยังเหลืออยู่ และก่อนที่เทพองค์ดังกล่าวจะละสังขารแมว ท่านจะประทานแก้ว
วิเศษที่รู้จักกันในนาม "เพชรตาแมว" ให้แก่ผู้ที่มีพระคุณ ที่เลี้ยงดูมาจนถึงวาระที่ได้ชดใช้กรรมหมดสิ้น
แล้ว โดยก่อนจากไปท่านจะเข้ามาคลอเคลียกับผู้ที่เป็นเจ้าของเหมือนเป็นการบอกลาครั้งสุดท้าย และ
ทิ้งเพชรตาแมวของตนไว้ให้ ก่อนจะกลับขึ้นไปบำเพ็ญตบะบนสรวงสวรรค์ดังเดิม
(ที่มา : http://hilight.kapook.com/view/75375)
(เครดิตภาพโดยเว็บโพสจัง)
โดยเพชรตาแมว มักมีลักษณะ ดังนี้
1. เพชรตาแมวชนิดหินใส มีลักษณะใสปนขุ่น ขนาดเท่าลูกแก้ว ในความใสจะเหมือนมีเสี้ยนไผ่อยู่
ในตา หรือม่านตา เมื่อส่องด้วยกล้องขยายจะเห็นเป็นรังผึ้งขนาดเล็ก และมีเส้นเลือดขนาดเล็กด้วย ซึ่ง
เพชรตาแมวประเภทนี้มักมีสีฟ้าน้ำทะเล สีเหลือง สีเขียวอมฟ้า หรือสีม่วงอมชมพู
2. เพชรตาแมวชนิดใสเป็นแก้ว เพชรตาแมวชนิดนี้จะมีลักษณะเหมือนดวงตาแมวขณะที่ยังมีชีวิต
อยู่ ในความใสจะไม่มีสีขาวขุ่นมาเจือปน มีมิติซับซ้อนและไม่สามารถทำเทียมเลียนแบบได้ เนื่องจาก
เนื้อจะใสบริสุทธิ์ และมีความแวววาวมาก
นอกจากนี้ ยังเชื่อกันว่า แมวตาเพชร หรือ เพชรตาแมว มีความเกี่ยวพันกับ แมวสีสวาด ซึ่งถูกเรียก
ว่า แมวตาเพชร เนื่องจากตอนที่มีชีวิตอยู่ ดวงตาทั้ง 2 ข้างของแมวสีสวาด จะมีลักษณะใสแววาวราวกับ
เพชร และยังมีเรื่องเล่าอีกว่า ตอนที่แมวตาเพชรยังมีชีวิตอยู่ เมื่อมองไปที่เหยื่อนาน ๆ เหยื่อประเภท
จิ้งจก นก และหนู จะแพ้นัยน์ตาแมวแล้วตกมาเป็นอาหารแมว โดยที่แมวไม่ต้องทำอะไร ซึ่งหลังจากตาย
ไป แม้ร่างกายจะเน่าเปื่อย แต่เพชรตาแมวนั้น จะใสวาวยิ่งกว่าเพชร จึงทำให้เพชรตาแมวที่ได้จากแมวสี
สวาดมีสนนราคามหาศาล เพราะหาได้ยากกว่าเพชรตาแมวทั่ว ๆ ไป
นอกจากนี้ มีคำกล่าวอีกว่า ผู้ที่ได้ครอบครองเพชรตาแมว จะต้องเป็นผู้ที่มีบุญวาสนามาตั้งแต่ชาติ
ปางก่อน จึงทำให้สัตว์เทพตามมารับใช้ ซึ่งอานุภาพของเพชรตาแมว มีคุณวิเศษดั่งแก้วสารพัดนึก หาก
ผู้ครอบครองได้มาอย่างถูกต้อง และหมั่นสร้างบุญบารมี ทำคุณงามความดี ก็จะทำให้เจ้าของเพชรตา
แมวนั้น พบแต่ความเจริญรุ่งเรือง ร่ำรวยทรัพย์สินเงินทอง และแคล้วคลาดจากอันตราย แต่หากผู้ใด
ครอบครองเพชรตาแมวด้วยวิธีที่ไม่ถูกต้อง และทำแต่ความชั่ว บุคคลนั้นอาจมีอันเป็นไปต่าง ๆ นานาได้
ทั้งนี้ ปัจจุบัน เพชรตาแมว ยังคงเป็นวัตถุมงคล ที่บุคคลจำนวนมากอยากได้มาครอบครอง
แต่เนื่องจากเป็นของหายาก และมีโอกาสเกิดขึ้นได้ราว 1 ในล้าน ดังนั้นสนนราคาของเพชรตาแมวจึง
อยู่ในหลักสิบล้านบาทขึ้นไป โดยเฉพาะเพชรตาแมวที่มีลักษณะดี หรือเป็นของเก่าแก่อายุกว่าร้อยปี
อย่างไรก็ดี เพชรตาแมวที่จำหน่ายต้องผ่านการรับรองจากสถาบันต่าง ๆ ที่น่าเชื่อถือ เช่น สถาบันวิจัย
และพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือมีใบรับรองเป็น
วัตถุธรรมชาติจากกรมทรัพยากรธรณี เป็นต้น
(ที่มา : http://hilight.kapook.com/view/75375)