วันอาทิตย์ที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2558

  • วันอาทิตย์, มิถุนายน 28, 2558
  • 1 comment
เมื่อพูดถึงเจ้าเหมียว หลายๆ คนคงนึกถึงความน่ารัก ขี้อ้อน ขี้เล่น ขี้สงสัย เจ้าเหมียวเลยกลายมาเป็นสัตว์เลี้ยงยอดฮิต



โดยทั่วไปแมวบ้านจะมีอายุเฉลี่ยราว 15 ปี แต่จากข้อมูลที่ กินเนสส์ บุ๊ค เวิร์ลด์ ออฟ เรคคอร์ด บันทึกเอาไว้นั้น เจ้า “ป็อปปี้” แมวลายเสือเพศเมีย คือแมวที่มีอายุมากที่สุดในโลก ที่ยังมีชีวิตอยู่ และอายุของมันก็คือ 24 ปี (ข้อมูลปี 2014)

แจคกี เวสต์ ชาวเมืองเบิร์นมัธ ในประเทศอังกฤษ ซึ่งอาศัยอยู่กับสามีของเวสต์และลูกๆ 2 คน คือเจ้าของ ของเจ้า“ป็อปปี้” กับ แมวอีก 4 ตัว กระต่ายหนึ่งตัวและหนูแฮมสเตอร์อีกตัว
20140604-1401877334.9189-3
20140604-1401877357.5267-0
Poppy-oldest-cat-main
แจคกี เวสต์ และลูกๆ อีก 2 คน เจ้าของ ของเจ้า “ป็อปปี้”
ป็อปปี้ ตาบอดแล้ว หูยังหนวก แต่ยังดุ และถือว่าเป็น “เจ้าแม่” ของแมวภายในบ้านชนิดที่ไม่มีใครแหยม มันครองแชมป์อายุยืน หลังจากที่ พิงค์กี้ แมวสาวจากแคนซัส สหรัฐอเมริกา ที่เคยครองแชมป์อยู่ก่อนหน้านี้ตายลงเมื่อปีที่ผ่านมาขณะอายุ 23 ปี แต่ว่ากันว่า แมวที่อายุยืนที่สุดเท่าที่เคยมีบันทึกไว้ เป็นแมวชื่อ “ครีมพัฟฟ์” จากออสติน รัฐเท็กซัส สหรัฐอเมริกา ที่อายุมากถึง 38 ปี 3 วัน ตอนที่มันตายในปี 2005 โดยปกติแล้วแมวบ้านจะมีอายุเฉลี่ยราว 15 ปีเท่านั้นเอง
อายุของป็อปปี้ถ้าเทียบเป็นอายุคนแล้วเท่ากับคนอายุ 114 ปีเลยทีเดียว แต่ต้องบอกว่ามันไม่ใช่สัตว์ที่อายุมากที่สุดในโลก เพราะเต่ายักษ์โดยเฉลี่ยอายุจะยาวถึง 100 ปีเป็นอย่างน้อย มีตัวหนึ่งในสวนสัตว์ที่อินเดีย มีอายุมากถึง 250 ปี
ป็อปปี้ แมวเหมียวที่อายุมากที่สุดในโลก ฉลองวันเกิด 24 ปี
แต่ล่าสุดเมื่อวันที่ 11 มิถุนายน 2557 เว็บไซต์เมโทรของอังกฤษ รายงานว่า เจ้าป็อปปี้ แมวเหมียวที่อายุมากที่สุดในโลก และเพิ่งฉลองวันเกิด 24 ปี (เทียบเท่ากับคนอายุ 114 ปี) ไปเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ได้ตายลงแล้ว หลังจากที่ป่วยออด ๆ แอด ๆ ตามวัยของมันมาตลอดหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา
โดยเจ้าป็อปปี้ จากเมืองบอร์นมัธ ประเทศอังกฤษ ได้ตายลงเมื่อวันศุกร์ที่ 6 มิถุนายนที่ผ่านมา ซึ่งเจ้าของได้เปิดเผยว่า ร่างกายที่อ่อนแอทำให้มันติดเชื้อจากน้ำและป่วยมาหลายสัปดาห์ ก่อนที่อาการจะหนักขึ้นและตายเมื่อช่วงบ่ายวันศุกร์ ครอบครัวรู้สึกเสียใจมากที่สูญเสียมันไป เพราะผูกพันกันมาก
ทั้งนี้ เจ้าป็อปปี้เพิ่งจะได้รับการจดบันทึกจากกินเนสส์ บุ๊ก ให้เป็นแมวที่มีอายุมากที่สุดในโลก ไปเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ซึ่งก็เท่ากับว่ามันสามารถครองสถิตินี้ได้เพียงไม่ถึงเดือนเท่านั้น
ล่าสุด เจ้าป็อปปี้ จากเมืองบอร์นมัธ ประเทศอังกฤษ ได้ตายลงเมื่อวันศุกร์ที่ 6 มิถุนายนที่ผ่านมา


 ข้อมูล?www.eduzones.com,?pet.kapook.com, teen.mthai.com
เรียบเรียง : cyclone_prince (เพจทาสแมส)

วันอาทิตย์ที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2558

ได้ฤกษ์งามยามดีที่จะได้เขียน blogger สักที หลังจากที่หายไปหลายวัน เนื่องจากต้องเป็นทาสที่ดี เลี้ยงเจ้ามิ้วๆ น้อย ก่อนหน้าที่เจ้าเหมียวจะคลอด เราเองก็เป็นกังวล ว่าเจ้าเหมียวจะคลอดเองได้ไหม จะมิ้วๆๆๆ ตัวน้อยๆ จะรอดหรือเปล่า


ผมเองก็ไม่รู้ว่านี่คือโชคดีที่มีเจ้าเหมียวมีความเป็นแม่สูง หรือเพราะเราเลี้ยงเค้าดี หลายๆคน และรวมทั้งผมเองคิดว่าแมวจร ที่มีการใช้ชีวิตข้างนอกจะมีพฤติกรรมความเป็นแม่ เวลาคลอดมักจะคลอดเองไม่มีใครต้องช่วย แต่มันไม่เสมอไป เพราะแมวจรนั้นไม่มีใครหาอาหารมาเลี้ยง มาให้ น้อยมากที่ลูกเกิดมาแล้วจะรอด เพราะไม่มีการบำรุง(ผมตั้งใจไว้ว่าจะหาโอกาสไปให้อาหารแมวจรบ่อยๆ เพราะสงสารมันโดยเฉพาะแมวจรที่สวนลุมพินี)

เมื่อถึงเวลาคลอด : เจ้าเหมียวก็มาคลอเคลียผมเต็มที่ มาอ้อนตลอด และยังกินอาหารจนวินาทีสุดท้ายที่จะคลอด ก่อนคลอดก็มามุดผ้าห่ม ผมคิดไว้ล่ะว่าคลอดบนที่นอนแน่ๆ แต่ไม่ใช่เลย มันวิ่งไปอยู่ในกรงที่เราเตรียมไว้ให้มัน เริ่มด้วยการที่มันเบ่งลูกและหอบ แฮกๆๆ เหมือนหมาเหนื่อย (ถ้าใครนึกภาพไม่ออก ) เวลาที่มันเบ่ง ผมเองก็ช่วยมันเบ่ง ผมเองก็ลองดูที่จิมิของมัน เริ่มมีตีนแมวออกมา เย้ๆ เย้ๆ จะคลอดแล้ว
นางเบ่งๆ ในที่สุดเจ้าเหมียวตัวแรกก็ออกมา ด้วยความที่ผมกลัวว่ามันจะไม่กินรก และกัดถุงน้ำคล่ำ เลยจัดการฉีดให้ แต่ผิดคาดมันกินรกและกัดสายสะดือให้ลูกมันเอง น้ำตาไหลโดยไม่รู้ตัว เจ้าเหมียวของผมมีสัญชาตญาณความเป็นแม่เยอะมาก ผมเองก็ช่วยแค่ดูดน้ำเมือกในปากและจมูกให้มิ้วๆ น้อย ๆ ผ่านไป ตัวแล้ว ตัวเล่า จนครบ 4 ตัวตามที่ผมพาเจ้าเหมียวไปเอกซ์เรย์ เอ๊ะแต่ทำไมมันยังเบ่งอยู่ ฮ่ะมีมิ้วน้อยออกมาอีกตัว มันก็จัดการทุกอย่างด้วยตัวเองทั้งหมด เย้ๆ ในที่สุดก็ได้มิิ้วน้อยตั้ง 5 ตัวทุกตัวแข็งแรงหมด









อยากจะฝากบอกบอกถือทุกคนที่เลี้ยงแมว และกำลังจะมีมิ้วน้อยๆๆ ออกมาชมโลก อย่ากังวลไปให้มาก (แต่ก็คงห้ามไม่ได้หรอกเพราะผมเองก็กังวล) ให้เจ้าเหมียวมันคลอดของมันเองโดยธรรมชาตอ เราก็ช่วยอยู่ห่างๆ แต่ถ้ามันนานและไม่ยอมเบ่งออกมาสักทีรีบพาไปโรงพยาบาลสัตว์เลยนะครับ เพราะมันจะเป็นอันตรายกับเจ้ามิ้วๆ น้อยๆ 

วันจันทร์ที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2558

สวัสดี วันท้องฟ้าครื้ม เมฆฝนสีเทา กับเสียงฝนกระทบหน้าต่าง นอนดูกีฬาซีเกมส์ 2015 ช่างเป็นอะไรที่มีความสุขจริงๆ นะเจ้าแมวน้อย สก็อตติช โฟลด์ หากพูดถึง แมวพันธุ์ สก็อตติช โฟลด์ คงเป็นที่ชื่นชอบสำหรับทาสแมวหลายๆ คน แต่ด้วยราคานั้นไม่เล่นๆ เลยก็มีทาสเพียงบางกลุ่มที่รักและพอมีกำลังซื้อแมวสก็อตติช โฟลด์ มาเลี้ยง


งั้นเรามาทำความรู้จักเจ้าแมวพันธุ์นี้กัน

แมวพันธุ์ “สก็อตทิช โฟลด์” จัดเป็นแมวที่มีถิ่นกำเนิดมาจากประเทศสกอตแลนด์ เป็นแมวขนาดกลาง ศีรษะกลม หูพับหรือตั้ง บางตัวหูจะพับเพียงครึ่งเดียว พับ 2 ส่วนหรือพับ  3 ส่วน จะมีทั้งขนสั้นและขนยาว ลักษณะของหัวเพศผู้จะมีลักษณะกลมโตกว่าหัวของ ตัวเมีย สำหรับอุปนิสัยจัดเป็นแมวที่มีความสุภาพ เรียบร้อย ไม่ซน อารมณ์ดี ขี้เล่น มีความกระตือรือร้น ชอบคลอเคลีย ขี้อ้อนและขี้ประจบเจ้าของ ที่สำคัญจัด เป็นแมวต่างประเทศอีกสายพันธุ์ ที่เลี้ยงง่าย 

เจ้าแมว Susie เป็นแมวพันธุ์สก็อตติช โฟลด์ ตัวแรกที่ถูกค้นพบในปี ค.ศ. 1961 ที่ประเทศสก็อตแลนด์ แต่ในตอนนั้นยังไม่มีใครทราบชื่อสายพันธุ์ที่แท้จริง เนื่องจากลักษณะของSusie มีใบหูพับ และยังมีใบหน้าที่คล้ายกับนกฮูก ซึ่งหลังจากที่ Susie ให้กำเนิดลูกแมวน้อยหูพับ ตัว William Ross ชายเลี้ยงแกะ ซึ่งเป็นผู้ค้นพบคนแรกก็ได้นำลูกแมวตัวเมียไปเลี้ยง หลังจากที่ลูกแมวตัวนั้นโตขึ้น จึงนำไปผสมพันธุ์กับ บริติช ชอร์ตแฮร์ จนกลายเป็นต้นกำเนิดของสายพันธุ์นี้ และได้รับการจดทะเบียนอย่างถูกต้องที่รับรองโดย The Governing Council of the Cat Fancy ของประเทศอังกฤษ ในปี ค.ศ. 1966


ลักษณะทั่วไปและพฤติกรรมของแมวสก็อตติช โฟลด์                         แมวสายพันธุ์นี้แบ่งออกเป็น แบบคือ แบบขนสั้นกับแบบขนยาว โดยทั้ง แบบจะมีลักษณะตัวกลม หัวกลม มีช่วงคอสั้น ดวงตากลมใหญ่ และมีหูตั้งตรงขนาดกลาง ไปจนถึงหูพับขนาดเล็กที่มีมุมพับกว้าง ปลายหูส่วนใหญ่จะกลม หูของลูกแมวจะเริ่มพับในช่วง2-3  อาทิตย์แรก จมูกสันโค้งกว้างรับกับดวงตา ซึ่งบางตัวมีปากโค้งได้รูปรับกับคางพอดี จึงเป็นที่มาของสมญานามว่า Smiling Cat หรือ แมวยิ้ม นั่นเอง
          แมวพันธุ์สก็อตติช โฟลด์ เป็นแมวที่ไม่ค่อยส่งเสียง และชอบทำกิจกรรมในระดับปานกลาง พวกมันชอบที่จะเล่น เฉพาะเวลาที่มีเจ้าของมาร่วมเล่นด้วย บางตัวอาจไม่ชอบนอนบนตัก โดยเลือกที่จะอยู่ใกล้ ๆ กับเจ้าของแทน

การเลี้ยงดูแมวสก็อตติช โฟลด์
            การดูแลแมวสก็อตติช โฟลด์ ค่อนข้างง่าย แค่หมั่นแปรงขน 1-2 ครั้งต่อสัปดาห์สำหรับแบบขนสั้น แต่อาจจะต้องเพิ่มการดูแลมากขึ้นหากเลือกที่จะเลี้ยงแบบขนยาว โดยเฉพาะบริเวณใบหูของแมว ควรหมั่นทำความสะอาดบ่อยครั้ง พอ ๆ กับการแปรงขน และโดยทั่วไป แมวพันธุ์นี้ส่วนใหญ่มีร่างกายที่ค่อนข้างสมบูรณ์อยู่แล้ว จึงไม่มีเรื่องอะไรที่น่าเป็นห่วงนัก
ซึ่งเจ้าแมวสก็อตติช โฟลด์ เป็นแมวยอดนิยมลำดับที่ 3 ของประเทศไทย และเป็นดับ 1 ของโลก ผมเองได้เลี้ยงเจ้่าแมวสก็อตติช โฟลด์ เหมือนกันเพศเมียชื่อมุ้งมิ้ง นางเป็นลูกผสมของสายพันธุ์ พ่ออเมริกันช้อตแฮร์ กับ แม่สก็อตติช โฟลด์ (เป็นสายพันธุ์ของแมวสก็อตติช โฟลด์) และไอ้ก๊วยเจ๋ง แมสสีส้ม ที่มีคลิปโด่งดังในเพจทาสแมวโดยมันจะใช้ประโยค...เจ๋งมีเรื่องจะบอก




เรียบเรียง : cyclone_prince (เพจทาสแมส)



วันจันทร์ที่ 8 มิถุนายน พ.ศ. 2558

  • วันจันทร์, มิถุนายน 08, 2558
  • 1 comment
บทความประชาสัมพันธ์เลี้ยงลูกแมวน้อยไม่ยากอย่างที่คิด

การดูแลน้องแมวโดยเฉพาะลูกแมวนั้นเจ้าของหลายคนๆอาจจะคิดว่ายุ่งยาก แต่วันนี้สัตวแพทย์ แผนกอายุรกรรม โรงพยาบาลสัตว์ทองหล่อ จะมาบอกเคล็ดลับในการดูแลลูกแมว ให้ง่ายยิ่งขึ้น ซี่งจะทำให้ลูกแมวตัวน้อยเติบโตขึ้นมาเป็นแมวผู้น่ารัก และมีนิสัยที่ดีได้นั่นเอง

การดูแลลูกแมวเริ่มตั้งแต่หลังคลอด โดยเจ้าของควรเริ่มตั้งแต่การชั่งน้ำหนักลูกแมว เพราะโดยเฉลี่ยแล้วน้ำหนักลูกแมวจะอยู่ที่ 100 โดยบวกลบอีก 10 กรัม ซึ่งถ้าลูกแมวมีหนักน้อยกว่า 90 กรัม อาจมีแนวโน้มในการเสียชีวิตช่วงแรกคลอดได้ จากนั้นเจ้าของควรชั่งน้ำหนักลูกแมวอย่างสม่ำเสมอจนหย่านม จะทุกวันหรือวันเว้นวันก็ได้ เพราะลูกแมวแต่ละตัวควรมีน้ำหนักเพิ่มขึ้นวันละ 7-10 กรัม ลูกแมวที่น้ำหนักน้อยลงอาจเป็นสัญญาณถึงการเจ็บป่วยได้

หลังคลอดควรพามาพบสัตวแพทย์เพื่อตรวจหาความผิดปกติแต่กำเนิด เช่น เพดานโหว่ ไส้เลื่อน เป็นต้น สำหรับลูกแมวที่จะนำเข้ามาเลี้ยงใหม่ในบ้าน ควรถ่ายพยาธิให้เรียบร้อย และตรวจร่างกายทั่วไปที่อาจติดสู่ตัวอื่น เช่น ไรในหู เชื้อรา เห็บ หมัด หวัด ท้องเสีย ก่อนนำเข้าบ้าน โดยลูกแมวควรเริ่มถ่ายพยาธิที่อายุ 2-3 สัปดาห์ และเริ่มฉีดวัคซีนที่อายุ 8 สัปดาห์ จากนั้นกระตุ้นซ้ำทุกเดือนจนครบตามโปรแกรม


แม่แมวมักเลี้ยงลูกเองและไม่ต้องการให้คนเข้าไปยุ่ง โดยลูกแมวจะกินนมอย่างเดียวทุก 1-2 ชั่วโมง ระหว่างกินนั้น แม่แมวจะเลียลูกน้อยเพื่อกระตุ้นระบบขับถ่ายไปด้วย หลังกินอิ่มลูกแมวจะนอนหลับ หากลูกแมวร้องและคลานไปมาแสดงว่ากินไม่อิ่ม เจ้าของเองสามารถเข้าไปช่วยจับให้ลูกแมวดูดนมแม่ และต้องกันตัวอื่นๆแยกออกมาก่อน
ในช่วง 3-4 สัปดาห์แรก ควรให้กินเฉพาะนมสำหรับแมวเพียงอย่างเดียวเท่านั้น ซึ่งเจ้าของจะต้องป้อนนมทุกๆ 2 ชั่วโมง โดยในแต่ละครั้งควรให้ในปริมาณไม่มากหรือน้อยเกินไป (ควรปรึกษาสัตวแพทย์เนื่องจากต้องพิจารณาจากน้ำหนักและอายุของลูกแมว) สิ่งที่ควรระวังจากการป้อนนมก็คือการสำลักนม ซึ่งสามารถเกิดขึ้นได้ง่ายในลูกแมวที่ไม่แข็งแรง เนื่องจากป้อนนมมากหรือเร็วเกินไป นมที่ป้อนอาจจะตกลงไปในหลอดลม ส่วนการกระตุ้นการขับถ่ายควรทำทุกครั้งหลังป้อนนม ซึ่งปกติอุจจาระของลูกแมวจะมีลักษณะเป็นก้อน สีเหลืองอมขาว ปัสสาวะควรเป็นสีใสหรือสีเหลืองใส


ลูกแมวจะมีพฤติกรรมขุดทรายที่อายุประมาณ 4 สัปดาห์ โดยตามแม่แมวเข้าไปเล่นในกระบะทราย เจ้าของควรวางทรายเป็นเวลา และเปลี่ยนทรายวันละครั้ง จนอายุราวๆ 6 สัปดาห์ ลูกแมวจะขับถ่ายในกระบะได้เอง สำหรับการอาบน้ำไม่มีความจำเป็นต้องอาบน้ำให้ลูกแมว เนื่องจากแม่แมวจะเลียทำความสะอาดให้ ส่วนแมวกำพร้า อาจเช็ดตัวเมื่อแมวเริ่มสกปรก 2-3 วันต่อครั้ง


ในช่วงอายุ 3-4 สัปดาห์ เมื่อลูกแมวเริ่มแยกตัวจากแม่แล้ว อาจจะลองให้ลูกแมวเลียน้ำในภาชนะแบนๆ เริ่มให้อาหารเปียกผสมนม วันละ 4-6 มื้อ และค่อยๆลดปริมาณนมลงในทุกสัปดาห์ จนอายุ 2 เดือนลูกแมวจะหย่านมแม่และทานแต่อาหารแมวเพียงอย่างเดียว


ช่วงอายุ1-2 เดือน ลูกแมวจะเรียนรู้สิ่งแวดล้อม เจ้าของควรเล่นกับแมวอย่างน้อยวันละ 30-40 นาที เพื่อให้ลูกแมวคุ้นเคย ไม่ขี้กลัว และหวาดระแวงเกินไป

เริ่มต้นดูแลน้ำหนักตั้งแต่ลูกแมวเกิด การดูแลสุขภาพ คอยสังเกตุและคอยช่วยแม่แมวที่เลี่ยงลูกเอง สำหรับลูกแมวที่ไม่มีแม่แมว เรื่องการขับถ่ายและอาบน้ำ..อย่ามองข้าม การดูแลสุขภาพทั่วไป หลังคลอดควรพามาพบสัตวแพทย์เพื่อตรวจหาความผิดปกติแต่กำเนิด เช่น เพดานโหว่ ไส้เลื่อน เป็นต้น สำหรับลูกแมวที่จะนำเข้ามาเลี้ยงใหม่ในบ้าน ควรถ่ายพยาธิให้เรียบร้อย และตรวจร่างกายทั่วไปที่อาจติดสู่ตัวอื่น เช่น ไรในหู เชื้อรา เห็บ หมัด หวัด ท้องเสีย ก่อนนำเข้าบ้าน โดยลูกแมวควรเริ่มถ่ายพยาธิที่อายุ 2-3 สัปดาห์ และเริ่มฉีดวัคซีนที่อายุ 8 สัปดาห์ จากนั้นกระตุ้นซ้ำทุกเดือนจนครบตามโปรแกรม พอช่วงอายุเข้า 1-2 เดือน ลูกแมวจะเรียนรู้สิ่งแวดล้อม เจ้าของควรเล่นกับแมวอย่างน้อยวันละ 30-40 นาที เพื่อให้ลูกแมวคุ้นเคย ไม่ขี้กลัว และหวาดระแวงเกินไป


ที่มา : https://www.facebook.com/permalink.php?story_fbid=762680260408948&id=207716325988368
เรื่องโดย…ทีมสัตวแพทย์แผนก อายุรกรรม โรงพยาบาลสัตว์ทองหล่อ ทั้งนี้ท่านสามารถสืบค้นข้อมูลที่เป็นประโยชน์เกี่ยวกับสัตว์เลี้ยงได้ที่ www.thonglorpet.com

เรียบเรียง : cyclone_prince (เพจทาสแมว)

วันอาทิตย์ที่ 7 มิถุนายน พ.ศ. 2558

  • วันอาทิตย์, มิถุนายน 07, 2558
  • 1 comment

สืบเนื่องมาจาก เช้านี้ 08/06/2015 เห็นเพื่อนๆ หลายคนในโลกโซเชี่ยวเองบ่นเรื่อของฝนตกกระหน่ำเมืองกรุง น้ำท่วมขัง และการจราจร ติดขัด พิการไปทั่วกรุง ผมเลยจะเขียน blogger เกี่ยวกับ แมว สายฝน และ น้ำ เรามาดูกันว่า 3 คำนี้มันเกี่ยวกันอย่างไร

      เริ่มด้วยแมว กับน้ำ แมวจัดเป็นสัตว์จำพวกฟีไลน์ (ตระกูลเฟลิดี) เช่นเดียวกับเสือโคร่ง และจากัวร์ ซึ่งโปรดปรานการกระโจนลงไปแหวกว่ายอยู่ในน้ำ และแมวไม่ได้กลัวน้ำ  อย่างน้อยก็ไม่ใช่แมวทุกตัวในโลกก็แล้วกัน โดยทั่วไป  ดูเหมือนว่าแมวจากเขตร้อนจะชอบน้ำ เช่น  เสือ  สิงโต  จากัวร์  แมวป่าโอเซล็อตแห่งอเมริกาใต้ แมวป่าจาคารุนดิ และเสือปลาที่อาศัยอยู่ตามริมแม่น้ำและหนองบึงตั้งแต่อินเดียลงมาถึงเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เสือปลาจับปลาโดยการตะปบเหยื่อจากน้ำ บางครั้งก็ถึงขนาดดำน้ำหาปลาเองด้วย เหตุนี้ตีนของมันจึงมีพังผืดเพื่อประโยชน์ในการนี้
แมวบ้านบางชนิดที่รักน้ำได้แก่ เตอร์กีช แวน (Turkish Van) และเตอร์กีช แองโกรา (Turkish Angora)ถ้าอย่างนั้นแล้วใครกันที่เกลียดน้ำ? 



       เสือดาวหิมะไม่ชอบน้ำ แมวอื่น ๆ ในเขตหนาว เช่น แมวป่าลิงช์  แมวป่าบ็อบแคต และสิงโตภูเขาหรือเสือคูการ์  อาจจะไม่ถึงกับเกลียดน้ำ  แต่มันก็ไม่ยอมหาเรื่องจุ่มตัวลงน้ำเล่น ๆ  แน่นอน       อย่างเสือคูการ์  เมื่อมันต้องการข้ามลำธาร มันจะหาจุดที่แคบที่สุดของลำน้ำ ก็เหมือนคนเรานั่นเอง ถ้าเป็นทะเลสาบเล็ก ๆ เสือพวกนี้ก็พอว่ายน้ำข้ามไหว
จะทำให้ขนมันเป็นสังกะตังไ่ม่สวยงาม  และมันก็ไม่ชอบวิธีอาบน้ำแบบที่คนอยากจะอาบให้มันด้วย  เพราะแมวมันสามารถทำความสะอาดตัวเองได้ด้วยการเลีย  น้ำลายของแมวเป็นสบู่ธรรมชาติอย่างดี ที่สามารถลดความมันที่ขน แถมที่ลิ้นของมันยังเหมือนมีหนามเล็ก ๆ ทำหน้าที่คล้ายแปรงซึ่งทำให้ขนของมันเรียบสวยแถมสะอาดอีกด้วย ซึ่งแมวเองจะมีสัญชาตญาณ การเอาตัวรอดของมันได้ทุกสถานการณ์ แต่ในเมื่อเจ้าเหมียวต้องมาอยู่กับมนุษย์อย่างเราๆ เราก็จำเป็นต้องอาบน้ำทำความสะอาดให้มัน เพื่อที่ทั้งเจ้าเหมียวและเจ้าทาสจะได้มีความสะอาดด้วยกัน
นอกจากแมวจะเข้ามาเกี่ยวข้องในพิธีเกิดและพิธีแต่งงานในวัฒนธรรมไทยแล้ว แมวยังเข้ามามีส่วนร่วมในอีกประเพณีสำคัญของไทยที่สืบทอดกันมาหลายชั่วอายุคน นั่นคือ พิธีแห่นางแมวขอฝน คนไทยในสมัยก่อนเชื่อว่า แมวเป็นสัตว์ที่มีอำนาจลึกลับศักดิ์สิทธิ์ สามารถเรียกฝนให้ตกลงมาได้ และเมื่อถึงฤดูฝน หากฝนแล้งไม่ตกต้องตามฤดูกาล 

       อันที่จริงแมวมันไม่กลัวน้ำหรอก เพียงแต่มันเป็นสัตว์ที่รักสะอาด การโดนน้ำจะทำให้ขนมันเปียก แล้วถ้ามีฝุ่นมีโคลนมาจับ

        ผ่านไปแล้วนะครับ เราก็รุ้กันแล้วแมวกับน้ำ เกี่ยวห้องกันอย่างไร งั้นต่อไปเรามาดุ แมวกับสายฝน หรือกับฝน บ้างดีกว่ามันเกี่ยวข้องกันอย่างไร หลายคนคงกำลังนั่งคิด นอนคิด ว่ามันคืออะไรแมวตากฝน หรือแมวเปียกฝน แต่ไม่ใช่ครับมันคือ ประเพณีของไทยที่มีเจ้าเข้ามาเกี่ยวข้อง มีมาช้านานและเป็นที่รู้จักของคนไทยทั่วประเทศคงเป็นประเพณีอื่นไปไม่ได้นอกจาก ประเพณีแห่นางแมว ที่นิยมจัดขึ้นในปีที่ฝนไม่ตกต้องตามฤดูการหรือฝนแล้ง เพื่ออ้อนวอนขอให้ฝนตกลงมาสร้างความชุ่มชื่นแก่แผ่นดินและพื้นที่ทำนา ทำไร่
      การแห่นางแมวเป็นพิธีอ้อนวอนขอฝน ซึ่งจำจัดทำขึ้นในปีใดที่ท้องถิ่นแห่งแล้งฝน ไม่ตกต้องตามฤดูกาล ตามความเชื่อของปู่ย่า ตายาย และบรรพบุรุษ 

ความเชื่อ การแห่นางแมวภาคอิสาน
        สำหรับความเชื่อเกี่ยวกับประเพณีแห่นางแมวนั้น คนไทยมีความเชื่อว่าฝนตกลงมาเพราะเทวดา เมื่อฝนไม่ตกจึงต้องทำพิธีขอฝนกับเทวดา แต่บางความเชื่อกล่าวว่าเมื่อแผ่นดินแห้งแล้ง สิ่งแวดล้อมเป็นพิษ มีควันและละอองเขม่าควันจะต้องขอน้ำจากเทวดามาช่วยล้างเพราะน้ำฝนเป็นน้ำของเทวดา เนื่องจาก เทโว แปลว่า ฝน นั่นเอง ส่วนความเชื่อเกี่ยวกับแมวนั้น คนไทยเชื่อว่าแมวเป็นสัตว์ที่มีอำนาจลึกลับ ศักดิ์สิทธิ์ เมื่อนำมาทำพิธีแล้วจะช่วยเรียกฝนให้ตกลงมาได้ หรือถ้าเป็นความเชื่อของชาวอีสานจะมีความเชื่อว่าเมื่อฝนไม่ตกให้ใช้สัตว์ที่มีสีเดียวกับเมฆเรียกฝน จะทำให้ฝนตกลงมาได้เช่นกันและสัตว์ประเภทเดียวที่มีสีเมฆคือ แมวสีสวาท
       บางความเชื่อว่าแมวเป็นสัตว์ที่เกลียดฝน ถ้าฝนตกครั้งใดแมวจะร้องทันที ชาวอีสานจึงถือเอาเคล็ดที่แมวร้องในเวลาฝนตกว่า จะเป็นเหตุให้ฝนตกจริงๆ ชาวบ้านจึงร่วมมือกันสาดน้ำและทำให้แมวร้องมากที่สุดจึงจะเป็นผลดี และชาวอีสานเชื่อว่าหลังจากทำพิธีแห่นางแมวแล้วฝนจะตกลงมาตามคำอ้อนวอน และตามคำเซิ้งของนางแมว

ชาวไทยโดยเฉพาะกลุ่มเกษตรกรที่จำเป็นต้องใช้น้ำในการเกษตรกรรมจะต้องนำนางแมว (แมวตัวเมีย) โดยคัดเลือกแมวไทยพันธุ์สีสวาด หรือแมวโคราช หรือ แมวมาเลศ นำนางแมวมาใส่กระบุงหรือตะกร้าหรือเข่งก็ได้ สาเหตุที่ต้องเลือกแมวพันธุ์นี้เพราะเชื่อว่า สีขนแมวเป็นสีเดียวกับเมฆ จะทำให้เกิดฝนตกได้ แต่บางแห่งก็ใช้แมวดำ ก่อนที่จะนำนางแมวเข้ากระบุง คนที่เป็นผู้อาวุโสที่สุด จะพูดกับนางแมวว่า "นางแมวเอย …ขอฟ้าขอฝน ให้ตกลงมาด้วยนะ" พอหย่อนนางแมวลงกระบุงแล้ว ก็ยกกระบุงนั้นสอดคานหามหัวท้าย จะปิดหรือเปิดฝากระบุงก็ได้ แต่ถ้าปิดต้องให้นางแมวโดนน้ำกระเซ็นใส่ ตอนที่สาดน้ำด้วยจะต้องถูกต้องตามหลักประเพณี

แห่นางแมว อิสาน อีกแบบหนึ่ง
ให้เอาแมวมา 1 ตัว ใส่ในกระทอ มีคนหามตั้งคายขัน 5 หามประกอบพิธีป่าวสัคเค เทวาเชิญเทวดาลงมาบอกกล่าวขอน้ำฝนกับเทวดาว่า จะขอฝนด้วยการใช้พิธีแห่นางแมว แล้วสั่งให้พวกหามแมวแห่เซิ้งไปตามถนนในหมู่บ้าน มีคนทั้งชาย หญิง และเด็กเดินถือดอกไม้ตามไปถึงเรือนหลังไหน คนในเรือนหลังนั้นก็เอาน้ำสาดมาใส่ทั้งแมวและคน เล่นเอาทั้งแมวทั้งคนหนาวไปตามๆ กัน ในบางแห่งจะมีการผูกเอวคนหัวล้าน 2 คน ทำฮึดฮัดจะชนกันตามกระบวนไปด้วย บางจุดก็หยุดให้หัวล้านชนกัน สลับคำเซิ้งชาวก็บ้านจะเอาน้ำรดแสดงไปเรื่อยๆ จะเซิ้งอย่างนี้เริ่มจาก 3 โมงเย็นจนถึง 2 ทุ่ม หรือรอบหมู่บ้านแล้วหยุด พอหยุดไม่นานฝนก็จะตกฟ้าแลบฟ้าร้องฟ้าผ่าตามมา

คำเซิ้ง
แต่ละท้องถิ่นไม่ค่อยเหมือนกัน แต่สิ่งที่รวมอยู่ในคำเซิ้งคือมีการพรรณนาถึงความแห้งแล้งและขอให้ฝนตกเหมือนกัน และเท่าที่ประมวลมาส่วนใหญ่จะเป็นดังนี้
ตัวอย่าง คำเซิ้งในพิธีแห่นางแมว แบบที่ 1
"เต้าอีแม่นางแมว แมวมาขอไข่ ขอบ่ได้ขอฟ้าขอฝน
ขอน้ำมนต์อดหัวแมวบ้าง บ่ได้ค่าจ้างเอาแมวข้อยมา
บ่ได้ปลาเอาหนูกับข้าว บ่ได้ข้าว เหล้าเด็ดก็เอา
เหล้าโทก็เอา แม่เม่าเอย อย่าฟ้าวขายลูก ข้าวเพิ่นปลูก
ลูกน้อยเพิ่นแพง ตาเวนแดง ฝนแทงลงมา ตาเวนต่ำ
ฝนหน่ำลงมา ตาเวนตก ฝนตกลงมา
ดังเค็งๆข้ามดงมานี้แบ้นบักเลิกแบ้นพ่ออีเถิง
ฮ่งเบิงๆ ฝนเทลงมา ฝนบ่ตกข้าวไฮ่ตายเหมิดแล้ว
ฝนบ่ตกข้าวนาตายแล้งเหมิดแล้ว
ฝนบ่ตกกล้าแห้งตายพรายเหมิดแล้ว
ตกลงมาฝนตกลงมา เท่งลงมาฝนเท่งลงมา
กุ๊กกู๊ กุ๊กกู๊ กุ๊กกู๊ กุ๊กกู๊ กุ๊กกู๊”
 
ตัวอย่าง คำเซิ้งนางแมว แบบที่ 2
เซิ้งอันนี้เผิ่นว่า เซิ้งนางแมว ย่างเป็นแถวกะนางแมวออกก่อน
ไปตามบ่อนกะตามซอกตามซอย ไปบ่ถอยกะขอฝนขอฟ้า
 เฮาคอยถ้าให้ฝนเทลงมา ตามประสาแมวโพงแมวเป้า
แมวดำกินปลาย่าง แมวด่างกินปลาแห้ง
ฝนฟ้าแล้ง กะขอฟ้าขอฝน
 ขอน้ำมนต์กะรดหัวแมวบ้าง
(ชาวบ้านก็สาดน้ำลงใส่)

เทลงมากะฝนเทลงมา ท่วมไฮ่ท่วมนา
ท่วมฮูปลาไหล ท่วมไม้โสงเสง
หัวล้านชนกันฝนเทลงมา (ซ้ำ)

ไม่ใช่แค่ภาพอีสานเท่านั้นที่เป็นมีพิธีการแห่นางแมวขอฝน แต่ยังมีภาคกลางด้วย

แห่นางแมว ภาคกลางประเพณีแห่นางแมวเป็นพิธีขอฝนของพวกชาวบ้าน โดยเฉพาะภาคกลาง ปีใดที่ฝนมาล่าหรือแล้งผิด ปกติ อันจะทำให้ชาวบ้านเดือดร้อน พืชในไร่นาให้ผลไม่เต็มที่ อาจถึงกับให้เกิดภาวะข้าวยากหมากแพงได้ ชาวบ้านก็จะชุมนุมปรึกษาหารือกันเพื่อทำพิธีแห่นางแมวตามที่ทำสืบเป็นประเพณี เพราะเชื่อว่าภายหลังเมื่อแห่นางแมวแล้ว ไม่ช้าฝนก็จะเทลงมา ลักษณะความเชื่อ ความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับธรรมชาติช่วงเวลากรณีฝนแล้งไม่ตกต้องตามฤดูกาล เพราะสังคมไทยเป็นสังคมแบบเกษตรกรรม ต้องอาศัยน้ำฝนเป็นปัจจัยในการเพาะปลูก สมัยก่อนไม่มีระบบการชลประทาน หรือทำฝนเทียมเช่นปัจจุบัน ตามความเชื่อดั้งเดิม " ฝน" เป็นสิ่งที่เบื้องบนประทานลงมา เมื่อใดฝนไม่ตกต้อง ตามฤดูกาล การเพาะปลูกพืชพันธุ์ก็ดำเนินไปไม่ได้ ด้วยเหตุนี้จึงต้องทำพิธี "แห่นางแมว"

พิธีกรรม

พระยาอนุมานราชธน ปราชญ์คนสำคัญของไทย ให้ข้อสังเกตว่า แมวเป็นสัตว์ไม่ชอบน้ำ โบราณจึงถือว่าเป็นตัวแล้ง เมื่อแมวถูกน้ำสาดเปียกปอน ก็จะหมดสภาพตัวแล้งไป ชาวบ้านคงถือเคล็ดตรงนี้ จึงมีพิธีแห่งนางแมวสืบต่อกันมา ชาวบ้านก็เชื่อว่าแมวเป็นสัญลักษณ์ของความแห้งแล้งเช่นกัน เมื่อแมวถูกสาดน้ำจะหายแล้ง จึงจับแมวตัวเมียมาใส่ "ตะข้อง" หรือ ชะลอม หรือเข่ง ตะกร้า สุดแต่จะหาได้ อาไม้คานสอดเข้าไปในตะข้อง แล้วพากันแห่ตระเวนไปทั่วหมู่บ้าน ในขบวนแห่มีคนตีกลอง ตีกรับ ตีฆ้อง หรือตีฉิ่ง และจะร่วมกันร้องเพลงแห่นางแมว โดยมีคำร้องสั้นๆ ง่ายๆแต่สัมผัสคล้องจองกันดังนี้
"นางแมวเอย มาร้องแจ้วแจ้ว
นางแมวขอไก่ ขอไม่ได้ ร้องไห้ขอฝน
ขอน้ำมนต์รดแมวข้าที
มีแก้วนัยน์ตา ออกมาเดือนหก ฝนตกทุกที
มาปีนี้ไม่มีฝนเลย
พ่อตาลูกเขย นอนก่ายหน้าผาก
พ่อหม้ายลูกมาก มันยากเพราะข้าว
คนหนุ่มคนสาว คนเฒ่าหัวห้อย
พาเด็กน้อย มาเล่นนางแมว
มาร้องแจ้วฝนก็เทลงมา ฝนก็เทลงมา

เมื่อเคลื่อนขบวนแห่ ต่างก็ร้องบทแห่นางแมว ซึ่งมีข้อความผิดเพี้ยนกันไปแล้วแต่ท้องถิ่น บางบทมี ถ้อยคำกระเดียดไปทางหยาบโลน เมื่อแห่ถึงบ้านใคร เจ้าของบ้านก็จะเอากระบวยตักน้ำสาดลงไปในชะลอมหรือตะกร้าที่ขังแมวอยู่ จากนั้นเจ้าของบ้านก็ให้รางวัลแก่พวกแห่ เป็นเหล้า ข้าวปลา ไข่ต้ม
หรือของกินอย่างอื่น ส่วนมากมักให้เงินเล็กน้อยแก่คนถือพานนำหน้ากระบวนแห่ เสร็จแล้วก็เคลื่อน ต่อไปยังบ้านอื่นๆ จนสุดเขตหมู่บ้าน แล้วก็กลับมาชุมนุมเลี้ยงดูกันเป็นที่ครึกครื้น พร้อมทั้งปล่อยแมวให้เป็นอิสระ ถ้าฝนยังไม่ตก ก็ต้องแห่ซ้ำในวันรุ่งขึ้นและวันต่อๆ ไปจนกว่าฝนจะตก

ซึ่งสรุปเนื้อหาโดยรวมคือ "ขอให้ฝนตก" เมื่อขบวนแห่ผ่านไปที่บ้านใด ก็จะร้องเชื้อเชิญให้ออกมาร่วมพิธี เจ้าของบ้านก็จะนำกระบวยตักน้ำในตุ่มหน้าบ้าน สาดไปใน "ตะข้องนางแมว"หรือตะข้องที่ใส่แมว เป็นประเพณีที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินชีวิตของประชาชน และเกี่ยวข้องกับอาชีพเกษตรกรรมพิธีแห่นางแมวนี้ชาวบ้านเชื่อกันว่า จะทำให้ฝนตกและบรรเทาสภาวะแห้งแล้งไปได้

      เอาล่ะเราก็รู้แล้วนะครับว่าแมวกับสายฝนนั้นเกี่ยวข้องกันได้อย่างไร และวันยนี้เองผมได้เอาบทแห่แมวเป็นภาษาโคราช มาฝากทุก ๆคนด้วย


นางแมวเอย ร้องแจว แจว
นางแมวขอฝน ขอน้ำมนต์รดแมวข้าที
แมวข้านี้มีแก้วในตา ขึ้นหลังคาลงมาไม่ได้
ลงมาได้คาบไก่วิ่งหนี

พอถึงเดือนหกฝนก็ตกทุกที แต่มาปีนี้ไม่มีฝนเลย
พ่อเฒ่ากะลูกเขยนอนก่ายหน้าผาก
ลูกมากหลานมาก แก่กลัวอดเข่าวันศุกร์ วันเสาร์ 
ชวนกันแห่นางแมว ฝนเทลงมา ฝนเทลงมา

ชัยยะ ชัยยะ ชัยยะ ชัยชาย ชัยยะ ชัยยะ ชัยยะ ชัยชาย

พระพุทธองค์ปลงทุกข์ขัง ท่านยังหวังอรหันต์
อีฝนกึ่งพุทธกาลตกไม่โห่งขี้ระแหง
ระแหง ปีไหนฝนแล้งมีแต่คนครหา
ฝนตกคนก็แช่ง ฝนแล้งคนก็ด่า
มนุษย์ขี้เหม็นเคี่ยวเข็ญเทวดา
เลยทำให้ร้อนเดือดถึงดาวดึงส์

ชัยชะ ชัยชะ ชัยยะ ชัยชาย ชัยชะ ชัยชะ ชัยยะ ชัยชาย

ป่าไม้เอย ป่าไม้เมืองไทย
อยู่ในไพรสน เจ้าเป็นต้นทำให้ฝนตกดี
แต่มาเดี๋ยวนี้มันไม่มีป่าเลย พ่อเฒ่ากะลูกเขย
และไปฟันไปถาง ไปฉุดไปลากไปเลื่อยเจ้ามา
ล่ะเอาทำหลังคาโซฟานีก็ได้ พ่อค้าไม้รวยเป็นเศรษฐี

สมพอเดือนหกฝนไม่ตกสักที นี่พอมาเดี๋ยวนี้มันไม่มีป่าเลย
พ่อเฒ่ากะลูกเขย ก็เลยอดเลยอยาก
เพราะความโลภมาก เลยต้องอดเข่าไล่ให้แต่แม่เฒ่า
ไปแห่นางแมว ฝนไม่เทลงมา ฝนไม่เทลงมา

ชัยชะ ชัยชะ ชัยยะ ชัยชาย ชัยชะ ชัยชะ ชัยยา ชัยชาย

มันค่อยร้อนค่อยสุม พอปานหนุ่มคอยสาว
ค่อยสุม พอปานหนุ่มคอยสาว
พอเจ้าของอดเข่า หมาน้อยก็ค่อยโซ
ค่อยโซ เลี้ยงหมูตัวโตๆ ไว้คอยเจ้าคอยสัว
เงินบาทลอยตัว ต้องค่อยใช้ค่อยสอย

ตัวใหญ่ตัวน้อย ค่อยส่องค่อยสอด
เนอนางแมวหางขอด นอนขดอยู่ในครัว
ไปจับเอาตัว แห่ไปขอฝน ขอถนน ขอน้ำขอไฟ
ขอได้ก็ไม่ได้ ตาในตาแฉะ
เดือนสึมสึม ฝนละลึมแสะแสะ
ฉันไม่บวชดอกแมะ คือฉันอยากเอา เมีย 

ชัยชาย ชัยชาย ชัยยะ ชัยชาย ชัยชาย ชัยชาย ชัยยะ ชัยชาย



        ที่มา : https://www.gotoknow.org/posts/496195
        “ข้อมูลสนับสนุนจากหนังสือ ๑๐๘ ซองคำถาม / สำนักพิมพ์สารคดี”          เพลงโคราช กำปั่น บ้านแท่น        เรียบเรียง : cyclone_prince (เพจทาสแมส)
  • วันอาทิตย์, มิถุนายน 07, 2558
  • 1 comment

เมื่อพูดถึงแมวไทยอีกสายพันธุ์หนึ่งที่พบมากในปัจจุบัน คือขาวมณี หรือขาวปลอด (KHAOMANEE) เป็นแมวไทยโบราณที่ไม่ได้มีบันทึกไว้ในสมุดข่อย จากการสืบค้นเว็บต่างๆ ของผมเองพบว่า ไม่ได้มีหลักฐานอะไรที่บ่งชัดเจนมาเจ้าขาวมฯีนี้มีต้นกำเนิดมาจากไหน หรือสืบสายพันธุ์มาได้อย่างไร แต่มีการพบเห็นเจ้าขาวมณีนี้ ในต้นยุครัตนโกสินทร์นี่เอง นิยมเลี้ยงไว้ในราชสำนักครั้งหนึ่งในสมัยรัชกาลที่ 5 ซึ่งเจ้าขาวมณี เป็นแมวที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ทรงโปรดปรานมากเป็นพิเศษถึงขั้นส่งเสริมให้มีการเลี้ยงอย่างแพร่หลายทั้งในวัง และข้าราชบริหาร ขุนนางน้อยใหญ่ แมวชนิดนี้เป็นที่โปรดปราณมาก ในต่างประเทศนิยมเลี้ยงกันเป็นคู่เพื่อให้ผลัดกันทำความสะอาดขน เป็นแมวที่ค่อนข้างเชื่อง เหมาะสำหรับการเลี้ยงเป็นเพื่อนได้เป็นอย่างดี
ลักษณะเด่นของขาวมณีคือสีขนและผิวกายขาวสะอาด ขนสั้น นุ่ม รูปร่างลำตัวยาวขาเรียว ทรงเพียวลม ไม่อ้วนหรือผอมเกินไป (ถ้าทำหมันแมวก็จะอ้วนเป็นเรื่องปกติ) หัวไม่กลมโต แต่เป็นทรงสามเหลี่ยมคล้ายหัวใจ หน้าผากแบนใหญ่ หูขนาดใหญ่และตั้งตรงจมูกสั้น ดวงตาจะรีเล็กน้อยนัยน์ตาเป็นสีฟ้าหรือเหลืองอำพันสีใดสีหนึ่งเมื่อนำแมวขาวมณีตาสีฟ้า ผสมกับแมวขางมณีตาสี อำพัน ลูกที่ออกมาจะมีตาสองสี คือ สีฟ้าข้างหนึ่งและสีเหลืองอำพันข้างหนึ่ง ซึ่งเป็นลักษณะที่ถูกควบคุมโดยยีนด้อยในแมวขาวมณีแทบทุกตัวจะมีจุดด้อย เช่น ถ้ามีตาสองสีมักมีตาข้างหนึ่งที่ไม่ดี อาจมองเห็นไม่ชัดหรือมองไม่เห็นเลย ถ้าแมวตาสีฟ้ามักจะหูพิการ หรือไม่ได้ยินเสียงมากนัก และแมวตาสีเหลืองอำพันมักมีต่อมขนที่ไม่ดี
จุดด้อยอีกข้อของแมวขาวมณีคือความไม่ขาวปลอด มีสีใดสีหนึ่งแซมเข้ามา รวมถึงตาสองข้างเป็นคนละสีกัน (Odd eyes) หรือเป็นสีอื่นสีใดที่ไม่ใช่สีฟ้าหรือเหลืองอำพัน ก็ไม่เป็นที่ยอมรับ (อย่างไรก็ตาม ในต่างประเทศนั้นกลับนิยมแมวขาวมณีที่มีตาคนละสีมากกว่าตาสีเดียว) เช่นเดียวกับขนที่ยาวมากเกินขนาด หางคด หางขอด หางงอและ หางสั้น
แมวขาวมณี ได้เข้าสู่สหรัฐอเมริกาเมื่อปี ค.ศ. 1999 โดยเจเน็ท โฮลเซ่น หญิงชาวอเมริกันซึ่งเป็นผู้มีตาสองสีและมีผมสีอ่อน เพื่อเป็นของขวัญแก่ลูกสาวบุญธรรมชาวไทย ที่ก็เป็นผู้พิการทางหู ปัจจุบันก็มีผู้เพาะพันธุ์รายนี้เพียงรายเดียวเท่านั้นในสหรัฐอเมริกา
มาถึงเจ้าขาวมณีของผมบ้างที่ผมได้มาโดยบังเอิญและเลี้ยง แต่แรกเริ่มผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเจ้าเหมียวน้อยที่ผมเก็บมาเลี้ยงนั้น คือพันธุ์อะไร พยายามค้นหาข้อมูลและสอบถามจากหมอแมว(สัตวแพทย์) จนได้ความว่ามันคือขาวมณีนี่เอง ตอนเด็กๆ เจ้าเหมียวมันมีขนสีดำแซมขึ้นมา ผมเองก็เลยไม่คิดว่ามันคือเจ้าขาวมณี แต่เริ่มโต ขนดำมันเริ่มหายไป จนตอนนี้มันขาวไปทั้งตัว แต่น่าเสียดาย ที่ตอนเก็บมาเลี้ยงมันเป็นแผล เลยมีแผลเป็นจนถึงทุกวันนี้ 









แมวขาวมณีกับวงการแมวในระดับสากล
            ตอนนี้แมวขาวมณีของไทยเริ่มได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายในระดับโลก โดยแหล่งใหญ่ที่สุดในตอนนี้คือประเทศสหรัฐอเมริกา อังกฤษและประเทศในแถบยุโรป ซึ่งมีสมาคมแมวที่เป็นที่ยอมรับในระดับสากลคือ TICA นั้นได้อนุญาตให้ขึ้นทะเบียนแมวขาวมณีเป็นแมวพันธุ์แท้ และจัดให้มีการประกวดในระดับสากลแล้ว ส่วนอีกค่ายที่มีอิทธิพลในวงการแมวโลกก็คือ CFA นั้นก็เปิดช่องว่าถ้ามีฟาร์ม 5 แห่ง แจ้งเสนอชื่อเป็นผู้เพาะพันธุ์แมวขาวมณี เขาก็จะเปิดโอกาสให้เราขึ้นทะเบียน และมีโอกาสที่จะบรรจุลงในสายพันธุ์แมวที่เข้าร่วมประกวดได้เช่นกัน


          TICA - The International Cat Association (based in USA, affiliated societies around the world) Website : http://www.tica.org/
TICA เราเรียกว่า ทิก้า เป็นสมาคมใหญ่อีกสมาคมหนึ่งของอเมริกาที่มีสมาชิกทั่วโลกและจัดการประกวดไปทั่วโลกโดยแบ่งออกเป็นโซนคล้าย CFA  
           TICA เป็นสมาคมจดทะเบียนแมวพันธุ์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก (the world's largest genetic registry of pedigreed cats) โดยสามารถจดทะเบียนแมวได้แทบทุกสายพันธุ์ แม้แต่สายพันธุ์ที่ CFA ไม่ยอมรับอย่างเช่น เบงกอล มันชกิ้น หรือแมวไทยอย่าง ไทย(วิเชียรมาศแบบบ้านเรา) หรือ ขาวมณี เอง ก็ได้รับการยอมรับจากสมาคมนี้ รวมถึงมีการยอมรับสายพันธุ์ใหม่ๆเข้าไปพิจารณาอยู่เสมอ และสมาคมนี้ยังรับจดทะเบียนแมวบ้าน(Household pet) โดยสามารถประกวดเก็บคะแนนเพื่อรับ Title(ตำแหน่ง) ได้อีกด้วย
TICA มีกฏการจดทะเบียนแมวที่ไม่เคร่งครัดเท่า CFA แต่ยังถือว่าต้องจดตามสายพันธุ์นั้นๆ โดยส่วนที่ TICA ยอมรับได้มากกว่า CFA คือเรื่องของสีขน เช่น สีช็อกโกแลต ลาเวนเดอร์ ไลแลค Color-point ฯลฯ แต่ในส่วนของสายพันธุ์ก็ยังถือว่าเข้มงวดอยู่ในระดับหนึ่ง โดยจะแบ่งกลุ่มที่สามารถผสมได้ออกมาและแยกแยะตามลักษณะขนของตัวนั้นๆ เช่น American Shorthair และ American Wirehair จะจัดอยู่ในกลุ่มเดียวกัน โดย 2สายพันธุ์นี้สามารถ Crossbreed ได้ ลูกที่เกิดมาจะดูลักษณะขนเพื่อจดเป็น Shorthair(ขนตรงปกติ) หรือ Wirehair(ขนหยิก) เป็นต้น

สายพันธุ์แมวที่ TICA ยอมรับ มีทั้งหมด 74 สายพันธุ์ โดยแบ่งออกเป็น
จากการแบ่งแมวตามลักษณะขนดังที่กล่าวมาข้างต้น ทำให้การแบ่งแมวขนยาว-ขนสั้นของ TICA ไม่เหมือน CFAด้วย โดยTICAจะแบ่งตามความยาวของขน ไม่สนใจว่าจะเป็นพันธุ์ไหน เช่น Exotic Shorthair เป็นขนสั้น, Scottish fold Longhair เป็นขนยาว, Somali เป็นขนยาว เป็นต้น
กล่าวง่ายๆคือ TICA นั้น
- Championship Breeds คือ สายพันธุ์ที่สามารถประกวดเพื่อเก็บคะแนนชิงตำแหน่งได้ มีทั้งหมด 61 สายพันธุ์
- Non Championship Breeds คือ Household Pet สามารถเก็บแต้มเพื่อชิงตำแหน่งได้ แบ่งเป็น แมวเด็กและแมวโต
- Advanced New Breeds คือ สายพันธุ์ในระดับรองลงมา สามารถประกวดได้แต่ไม่สามารถชิงไตเติ้ลได้ (ขาวมณีจัดอยู่ในกลุ่มนี้ค่ะ) สายพันธุ์เหล่านี้ยังต้องทำตามกฏของ TICA เพื่อให้ยอมรับขึ้นไปเป็น Championship Breeds มีทั้งหมด 6 สายพันธุ์
- Preliminary New Breeds คือ สายพันธุ์ในระดับถัดมาจาก Advanced New Breeds สามารถประกวดได้แต่ไม่สามารถชิงไตเติ้ลได้เช่นกัน สายพันธุ์เหล่านี้ยังต้องทำตามกฏของ TICA เพื่อให้ยอมรับขึ้นไปเป็น Advanced New Breeds มีทั้งหมด 7 สายพันธุ์

*สามารถดูรายละเอียดสายพันธุ์ได้จากหน้านี้ http://www.tica.org/public/breeds.php
- เปิดกว้างในการยอมรับสายพันธุ์และสีขน (แม้บางสายพันธุ์ยอมรับใน CFA แต่ TICA ไม่ยอมรับ แต่จำนวนยังน้อยกว่าที่ TICA ยอมรับแต่ CFA ไม่ยอมรับ จึงยังถือว่า TICA นั้นเปิดกว้างมากกว่า CFA 
- ใช้ลักษณะของขนในการแบ่งสายพันธุ์และหมวดหมู่
- เปิดโอกาสให้แมว Household Pet มีเวทีประกวด ได้ชิงตำแหน่งเหมือนแมวพันธุ์ (แต่ไม่รวมและไม่เหมือนของแมวพันธุ์)
TICA ยอมรับแมวหลากหลายสายพันธุ์ แต่ยังยึด Standard ในการบรีดเพื่อให้ได้พันธุ์แท้อยู่ ทำให้สมาคมนี้เป็น "The world's largest genetic registry of pedigreed cats, and the world's largest registry of household pets" ตามที่เค้ากล่าวมานั่นเอง
ในบ้านเราอาจจะยังไม่คุ้นเคยกับสมาคมนี้สักเท่าไหร่ แต่ในช่วงหลังนี้เริ่มมีหลายฟาร์มที่มีแมว TICA เข้ามามากขึ้น การรับประกันความแท้ของแมวที่มีใบเพ็ด TICA นั้นถือว่าน่าเชื่อถือพอๆกันกับ CFA เพราะ TICA รับจดแมวพันธุ์แท้ ซึ่งแยกจาก Household Pet อย่างชัดเจน เพียงแต่สีบางสี, การ Crossbreed บางกลุ่ม, สายพันธุ์ใหม่ๆที่เป็น Hybrid หรือ Mutation ไม่เป็นที่ยอมรับใน CFA เท่านั้นเอง อน smile


ที่มา : http://th.wikipedia.org/wiki/ขาวมณี
          https://www.facebook.com/Flavorofcat/posts/675463285829854:0
เรียบเรียง : cyclone_prince (เพจทาสแมว)

วันพฤหัสบดีที่ 4 มิถุนายน พ.ศ. 2558

  • วันพฤหัสบดี, มิถุนายน 04, 2558
  • No comments
แมวจร คือ แมวที่ไม่มีเจ้าของ ไม่มีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง อยู่ตามข้างถนน ข้างทาง สวนสาธารณะ แมวจรเป็นเป็นที่น่าสงสาร บางตัวพิการ เกิดจากโดนรถชน เกิดจากคนทำร้าย แต่ปัจจุบันได้มีมูลนิธิต่างๆ ได้ให้ความช่วยเหลือน้องแมวจรพวกนี้ รวมไปน้องหมาด้วย และยังมีเพื่อนๆ ใจดีที่ช่วยกันแชร์ ของความช่วยเหลือผ่านเฟสบุ๊ค 

ผมเองก็เป็นอีกคนมที่ไม่เคยคิดจะเลี้ยงแมวตั้งแต่มาอยู่กรุงเทพ จุดเริ่มต้นของความรักที่มีต่อแมวเกิดจากแมวจรตัวนึงที่เก็บไปเลี้ยงนั่นก็คือเจ้ามิ้งกี้


 



และสืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 4/06 เป็นวันกอดแมวสากล ผมเองก็เลยได้นำอาหารไปให้เจ้าเหมียว แมวจรที่สวนลุมพินี ถึงมันไม่ใช่เกรอพรีเมี่ยม แต่มันคงทำให้เจ้าเหมียวคลายหิว ประทังชีวิตเจ้าได้อีกมื้อนะเจ้าเหมียว ไว้มีโอกาสจะมาให้ใหม่อีกนะ งั้นเรามาทำความรู้จักเจ้าแมวสวนลุมพินีกัน (แมวจรจัด)




















ถ้าใครมีเวลาและพอจะมีกำลังก็อย่าลืมแวะซื้ออาหารไปให้น้องเหมียวสวนลุมบ้างนะครับ การแบ่งบันให้เพื่อนร่วมโลกตัวน้อยๆ 


เรียบเรียง : cyclone_prince (เพจทาสแมว)

Total Pageviews

Recent Comments

Popular Posts

Recent Posts

Text Widget